บันทิง

GG WANG-NUEA

รูปภาพของฉัน
พวกเราคือกลุ่มแฟนคลับของสโมสรฟุตบอลลำปางเอฟซีซึ่งใช้ชื่อว่ากรีนแกงค์วังเหนือ...ซึ่งมีสถานที่ตั้งที่ อำเภอวังเหนือ จังหวัดลำปางขอเชิญพี่ๆเพื่อนๆน้องๆเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของสมาชิกเพื่อจังหวัดของเราและทีมสโมสรของพวกเรา We come to cheer , we are lover club group of football Lampang Fc. which , use the name that ,Green gang Wang-Nuea the Lampang invites older brothers and friends younger brothers and sisters come in to are one of a member for our province and club team of us ,

facebook

ติดตามข้อมูลข่าวสารฟุตบอล

ไทยลีกออนไลน์ สังคมฟุตบอล..เพื่อความบันเทิง

วันอังคารที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ขำๆ



Total Football

1970s : Total Football ( อภิปรัชญาแห่งศาสตร์การกีฬาฟุตบอล )


 เริ่มศกนี้ด้วยฟุตบอลโลก 1970 ที่เม็กซิโก บอลโลกครั้งสุดท้ายของถ้วย Julet Rimet โดยบอลโลกครั้งนี้ในรอบแบ่งกลุ่มแชมป์เก่า อังกฤษ ต้องปะทะกับบราซิล ชื่อเรียกของเกมนั้นคือ “ ศึกแห่งแชมเปี้ยน “ ( Clash Of Champion ) โดยเกมนี้มีสิ่งที่น่าจดจำมากที่สุดคือ Gordon Banks สุดยอดผู้รักษาประตูของอังกฤษ ที่สามารถหยุดลูกโหม่งของเปเล่ได้อย่างอัศจรรย์ แต่ท้ายที่สุดแซมบ้าก็เบียดชนะไป 1-0
     อีกทั้งกำเนิดศัตรูที่เปเล่เคารพ นั้นคือจิตวิญญาณของทีมอังกฤษชุดแชมป์โลก กัปตันทีม “ Bobby Moore “ โดยเปเล่อธิบายสั้นๆว่า “ เขาคือเพื่อนและกองหลังศัตรูที่เก่งที่สุดตั้งแต่ผมเจอมา “ ไม่เพียงแต่เปเล่แม้กระทั่งท่าน Sir Alex Ferguson ยังซูฮกแก่บุคคลนี้ ว่า “ เขาคือกองหลังที่ดีที่สุดเท่าที่ผมเห็นมา “ ทั้งหมดนี้เพียงพอทำให้เขากลายเป็นอนุสรณ์แห่งชัยชณะ ที่ตระหง่านอยู่หน้าสนาม Wembley ณ ตอนนี้
     ข้ามมาทางด้านเยอรมันตะวันตก ที่คู่ต่อสู้รอบสองของเขาคือแชมป์เก่าอังกฤษ ซึ่งเกมนี้เยอรมันคว่ำผู้ดีแบบสุดมัน 3-2 หอบตัวเองมาถึงรอบรองชนะเลิศ ปะทะกับอิตาลี กลายเป็น “ เกมแห่งศตวรรษ “ ( Game Of Century ) ซึ่งหากเปรียบกับ “ แมตซ์แห่งศตวรรษ “ ( Match Of Century ) ของฮังการียุคทองที่มีคุณค่าด้านกำเนิดฟุตบอลที่มีศักยภาพที่สุดแล้ว เกมที่จะกล่าวต่อไปนี้ก็คงเป็นเกมที่มีคุณค่าด้านอรรถรสเลอเลิศที่สุด
     เกมนี้เริ่มต้นด้วยอิตาลีซัลโวนำไปก่อนแต่ไก่โห่นาทีที่ 8 จึงเข้าทางอิตาลีเล่นกลยุทธ์ใส่กลอนประตู คาเตนัคโช่ ( Catenaccio ) เนื่องจากเกือบครึ่งทีมของชุดนี้คือ Grande Inter แต่ดูเหมือนว่าอิตาลีจะรีบปลดกลอนไปนิด เพราะถูกแอบตีท้ายครัวจากประตูเดียวในชีวิตของ “ Karl-Heinz Schnellinger “ ที่ค้าแข้งในลีกอิตาลีค่อนชีวิต ในนาทีที่ 90 เป๊ะ ทำให้เกมยืดไปถึงช่วงต่อเวลาที่ “ คลาสสิกที่สุดของโลก “
     เริ่มการต่อเวลาพิเศษได้ 4 นาที ไอ้ลูกระเบิด “ Gerd Muller “ ทำประตูขึ้นนำให้อินทรีเหล็กก่อน แต่หลังจากนั้น 4 นาทีอัซซูรี่ก็ตีเสมอ และพลิกขึ้นนำจากดาวซัลโวตลอดกาล “ Luigi Riva “ ณ ตอนนี้เหมือนเทพีแห่งชัยชนะจะจูบปากหนุ่มมักกะโรนีอีกเพียงคืบ แต่แล้วนาทีที่ 110 Gerd Muller เจ้าเก่าก็เข้ามาเป็นมารพจนขัดขวางฉากเลิฟซีน ทำประตูตีเสมอและเป็นประตูที่ 10 ของตนในรายการนี้
     นี้คงเป็นความลักลั่นของลูกหนัง ขณะที่ชาวเบียร์ที่ชมการถ่ายทอดสดเปรมปิติกับรีเพลย์ประตูของ Gerd Muller นั้น ชาวเยอรมันในสนามแทบตายทั้งเป็น เพราะทีมรักถูกแซงเป็น 4-3 ในนาทีที่ 111 ไม่กี่วินาทีหลังจากตีเสมอ จากบัลลงดอร์คนแรกของอิตาลี “ Gianni Rivera “ กลายเป็นจุดจบของเกมนี้ แต่เป็นจุดเริ่มต้นของตำนานที่เล่าขานกันไม่รู้จบ “ เกมแห่งศตวรรษ “ ( Game Of Century ) 

และแล้วมาสู่รอบชิงชนะเลิศของบอลโลกครั้งประวัติศาสตร์ครั้งหนึ่ง เพราะนี้คือการอวดโฉมครั้งสุดท้ายของถ้วยแชมป์โลก “ Julet Rimet “ ซึ่งชั่งบังเอิญที่คู่ชิงชนะเลิศครั้งนี้เป็นทีมที่คว้าแชมป์โลกมาแล้วสองสมัย จากกฎแล้วผู้ที่คว้าบอลโลกไปสามสมัยจะได้ถ้วยนี้ไปครองอย่างถาวร ทำให้ถ้วยบอลโลกครั้งสุดท้ายจะเป็นของทีมใดทีมหนึ่งในที่นี้ โดยผลคือบราซิลชนะไปถึง 4-1 กลายเป็นแชมป์โลกสมัยที่สามของบราซิลและเปเล่

     แต่แชมป์นี้คือบอลโลกสั่งลาของราชันลูกหนัง เปเล่ จากเด็กที่เติบโตขึ้นมากับการเล่นฟุตบอลตามถนนดินลูกรัง ด้วยกระดาษปั้นเป็นก้อนกลม จำแลงเป็นดาวยิงพันประตู ที่จรัญแสงดั่งอัญมณีอันสุกสกาว “ ไข่มุกดำ “ ซึ่งกองหลังอิตาลี คู่แข่งคนสุดท้ายในบอลโลก กล่าวว่า “ ก่อนแข่งผมบอกตัวเองว่า เขาก็มีเนื้อหนังมังสา เหมือนมนุษย์ทั่วไปๆ แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าผมคิดผิด “ ย่อหน้านี้จึงขอสดุดีแด่ราชันลูกหนัง “ P-E-L-E “
     ขณะที่แฟนบอลอาลัยการลาสังเวียนระดับชาติของราชันลูกหนัง หารู้ไม่ว่าหนึ่งปีหลังจากนั้นจะกำเนิดราชันลูกหนังยุโรป นักเตะเทวดา “Johan Cruyff “ และฟุตบอลที่ “ ง่ายแต่ยาก “ ที่สุดในโลก … “ Total Football “
     ก่อนเข้าเรื่อง Total Football ขอแวะไปที่บอลโลกปัญหาครั้งหนึ่งที่อาร์เจนติน่าในปี 1978 เพราะก่อนการแข่งขัน 2 ปี ประเทศอาร์เจนติน่าได้เกิดรัฐประหาร แต่ท้ายที่สุดก็มีการบอลโลกครั้งนี้จนได้ ซึ่งเปิดการแข่งขันในรอบแรกบราซิล อาร์เจนติน่า และฮอลแลนด์ ล้วนทุลักทุเลเข้าเป็นอันดับสอง โดยมีม้ามืดคือ เปรู ที่ลอยหน้าเขาป้ายเบอร์หนึ่งแซงหน้าฮอลแลนด์ ต่อมาเข้าสู่การแบ่งกลุ่มรอบสองเพื่อหาคู่ชิงชนะเลิศ 




  ในรอบนี้กังหันสีสมชนะรวดรอชิงชนะเลิศ ส่วนอีกสายหนึ่งนี้เองที่เป็นข้อพิพาทใหญ่ครั้งนี้ โดยรอบนี้มีกติกาว่า ถ้าแต้มเท่ากันต้องวัดที่ลูกได้เสีย ซึ่งบราซิลมีแต้มเท่ากับเจ้าภาพ ส่วนลูกได้เสียห่างกับฟ้าขาว เจ้าภาพถึงสามประตู ทำให้เจ้าภาพถูกบีบให้ชนะสี่ประตูขั้นต่ำในนัดสุดท้ายที่ปะทะม้ามืด เปรู ซึ่งครึ่งแรกเจ้าภาพนำเพียง 2-0 แต่ว่าในครึ่งหลังรัวทีเดียว 4 ประตู รวม 6-0 แซงบราซิลเข้ารอบชิงชนะเลิศอย่างเหลือเชื่อ นั่นทำให้ลื่อว่าเปรูล้มบอลเพื่อเงินมหาศาล ซึ่งนี้ยังเป็นปริศนาที่ดำมืดถึงวันนี้ 

     มาสู่เกมนัดชิงชนะเลิศ ที่ยังไม่ทันเริ่มเจ้าภาพก็ป่วน ขอให้นักเตะฮอลแลนด์ที่บาดเจ็บถอดเฝือกออก กัปตันทีมดัตช์ฉุนจัดกะไม่ขงไม่แข่งมันแล้ว แต่ผู้ตัดสินมาปรามไว้ก่อน เกมจึงเริ่มขึ้นและจบลงด้วยชัยขนะของเจ้าภาพในช่วงต่อเวลาพิเศษ ถ้วยบอลโลกจึงเป็นยาชั้นดีที่สมานบาดแผลทางการเมืองของชาวอาร์เจนติน่า 
     ย้ายก้นมาจองที่นั่งชมศึกชิงแชมป์สโมสรยุโรปปี 1971 ที่คู่ชิงเป็นทีมสุดเซอร์ไพรส์ “ พานาธิไนกอส “ กุมบังเหียนโดยแกนนำ Golden Team “ Ferenc Puskas “ แห่งฮังการี ปะทะ อาแจ๊กซ์ภายใต้เงื้อมมือ ท่านนายพล “ Rinus Michels “ เจ้าของสโลแกน “ Football Is Wars “ ซึ่งเกมจบโดยอาแจ๊กซ์มอบความปราชัยคู่แข่ง 2-0 พร้อมกับฟ้าประทานเทวดาลงพิภพ “Johan Cruyff “ หัวใจฟุตบอลที่สวยที่สุด “ Total Football “ 

     ถัดมาในปี 1972 อาแจ๊กซ์ภายใต้ระบบเกมรุก โททัล ฟุตบอล ( Total Football ) ปะทะกับอินเตอร์ภายใต้ระบบเกมรับคาเตนัคโช่ ( Catenaccio ) ในรอบชิงชนะเลิศ โดยผลคือโททัล ฟุตบอล เชือดนิ่ม 2-0 จากนักเตะเทวดา เมื่อจบเกมนี้ พาดหัวข่าวที่โด่งดัง คือ “ Death of Catenaccio , Defentive Football Is Destroyed “ จากวันนั้นไปโททัล ฟุตบอลก็ยังทะลุทะลวงต่อไปจนได้แชมป์ยุโรปสมัยที่สามติด พร้อมกับการจากไปของฟันเฟืองของทีม Johan Cruyff ยุติเส้นทางแชมป์สมัยที่สี่  

เมื่อโททัล ฟุตบอลลาสังเวียนสโมสรยุโรป ก็ถึงคราวยุคของฟุตบอลที่แข็งแกร่งอย่าง “ บาเยิร์น มิวนิค “ ที่มีมันสมองคือตำแหน่ง “ Libero “ แดร์ ไกเซอร์ “ Franz Beckenbauer “ นำเสือใต้เถลิงแชมป์ยุโรปสามสมัยติดเช่นกัน แต่หลังจากนั้นก็คิว “ เครื่องจักรสีแดง “ ลิเวอร์พูล หิ้วถ้วยกลับแอนฟิลด์สองสมัยติดจากยอดโค้ชในสามโลก “ Bob Paisley “ และตกเป็นของ Nottingham Forest อีกสองสมัยติดเช่นกัน
     จากที่อารัมภบทมาทำให้ตอนนี้ทุกมุมโลกเกิดคำถามว่าเยอรมันกับฮอลแลนด์ใครคือเบอร์หนึ่ง ซึ่งคำตอบบางส่วนของคำถาม ปรากฏอยู่ในบอลโลกปี 1974 ที่ประเทศเยอรมันตะวันตก
     บอลโลกครั้งนี้เปลี่ยนจากถ้วยบอลโลก Julet Rimet ที่บราซิลครองกรรมสิทธิ์แต่ผู้เดียว ซึ่งปัจจุบันนี้ถ้วยนี้ได้หายสาบสูญไป เพราะถูกขโมยในปี 1983 เป็นถ้วย “ Fifa World Cup “ หรือถ้วยหล่อทองในปัจจุบันนี้
     ปฐมบทที่ฝั่งเยอรมันตะวันตกสองเกมแรกเก็บชัยชนะสบาย แต่ก็มาพบกับจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ของเยอรมันตะวันตกและบอลโลกครั้งนี้ในเกมที่สาม ที่เป็นการโคจรมาเจอกันของสองฝั่งกำแพงเบอร์ลิน ซึ่งเยอรมันตะวันออกปาดเยอรมันตะวันตกไป 1-0 ทำให้หลังจากเกมนั้นเยอรมันตะวันตกผ่าตัดทีมครั้งใหม่ที่สุด ใหญ่พอกระทั่งเข้าชิงชนะเลิศไปพบกับโคตรบอล โททัล ฟุตบอล ที่เกาตีนรอ จากการเพิ่งถีบส่งบราซิลกลับภูมิลำเนา
     Total Football ไม่ได้ปลุกเสกโดย Rinus Michels โค้ชของอาแจ๊กซ์และฮอล์แลนด์เพียงผู้เดียว แต่ต้นตำหรับที่แท้จริงคือ Jack Reynolds ผู้จัดการทีมของเขา สมัยเป็นนักเตะ รวมกับแฮตทริกของฮังการีใน " แมตซ์แห่งศตวรรษ " ปี 1953 จาก “ บิดาแห่ง Total Football ” Nandor Hidegkuti ที่ขยับไปตำแหน่งใดก็ได้ในเกมรุก
     วิชา Total Football นับเป็นศาสตร์ชั้นสูง นักเตะจะไม่มีตำแหน่งตายตัว ต้องเล่นทดแทนตำแหน่งของเพื่อนได้ตลอดเวลา มันคือเรื่องของการสร้างพื้นที่ การเข้าสู่พื้นที่ และการจัดการพื้นที่ ไม่ต่างจากการเป็นสถาปณิกในสนาม ฉะนั้นผู้เล่นที่อันตรายที่สุด คือ ผู้เล่นที่ไม่มีบอล โดยมีกลไกที่แสนง่ายคือ การให้แล้วไป (Give and Go) จากความง่ายนี้ นักเตะเทวดา Johan Cruyff โลโก้ของระบบนี้ จึงทื้งวาทะอมตะว่า “ ฟุตบอลที่เรียบง่ายที่สุดคือฟุตบอลที่งดงามที่สุด แต่มันก็เป็นเรื่องยากที่สุดในการจะเล่นฟุตบอลที่เรียบง่ายที่สุด “
     มาสู่รอบชิงชนะเลิศที่ดวงตานับล้านเฝ้าเป็นสักขีพยาน โดยฝั่งชาติเยอรมันในระดับสโมสรได้แชมป์ยุโรปสามครั้งติดจากบาเยิร์น มิวนิค ส่วนระดับผู้เล่น ได้บัลลงดอร์สามครั้งจาก ไอ้ลูกระเบิด “ Gerd Muller “ หนึ่งสมัย และ จักรพรรดิลูกหนังหรือแดร์ ไกเซอร์ “ Franz Beckenbauer “ อีกสองสมัย เช่นกันกับฝั่งโททัล ฟุตบอล ที่ในระดับสโมสรได้แชมป์ยุโรปสามครั้งติดจากอาแจ๊กซ์ ส่วนระดับผู้เล่นได้บัลลงดอร์สามครั้งจาก นักเตะเทวดา “ Johan Cruyff “ แต่ผู้เดียว คู่ชิงคู่นี้จึงเป็นเกมหยุดโลกครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ทีเดียว 

เมื่อเกมเริ่มขึ้น โททัล ฟุตบอล ประกาศแสนยานุภาพทันที เมื่อภายใน 80 วินาที เคาะบอลไป 13 ครั้ง โดยนักเตะเยอรมันไม่แม้แต่สะกิดบอล จนส่ง Johan Cruyff หลุดเข้าในกรอบเขตโทษ แต่ถูกทำฟาวล์เป็นลูกจุดโทษและกลายเป็นประตูขึ้นนำของโททัล ฟุตบอล ไม่ทันเหงื่อไหลในนาทีที่ 2 แต่หลังจากนั้นโททัลฟุตบอลก็ต้องมนต์สะกดจาก “ Berti Vogts “ ที่ตามสะกำ Johan Cruyff หัวใจของโททัล ฟุตบอล
     จนกระทั่งนาทีที่ 25 อินทรีเหล็กก็ได้ประตูตีตื้นจากจุดโทษ และก่อนหมดครึ่งแรกสองนาทีก็เปลี่ยนโฉมหน้าเจ้าของแชมป์โลก ขึ้นนำเป็น 2-1 จาก Gerd Muller โดยเมื่อหมดครึ่งแรกนักเตะเทวดาไม่พอใจกับการโดนไล่หวด เข้าไปโวยกับผู้ตัดสินจนโดนใบเหลือง และพอเริ่มครึ่งหลังโททัล ฟุตบอลก็ดับสนิทครบเก้าสิบนาที ในวันนั้นแชมป์โลกตัวจริง คือ เยอรมันตะวันตก
     ….. แต่แชมป์ในฝันคือ “ Total Football “ ดั่ง “ ภาพเขียนที่สวยที่สุด อาจไม่ใช่ภาพเขียนที่ได้รางวัลชนะเลิศ แต่เป็นภาพเขียนที่เรามีความสุขทุกครั้งที่ได้ดู “ .....

วันพุธที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ลำปางเอฟซี-ลำพูนวอริเออร์


วันเสาร์ที่ 7 พ.ค54 ลำปางเอฟซีทีมอันดับ 6 จะเปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของ"ราชันโคขาว"ลำพูนวอริเออร์ ทีมอันดับ 2 ต้องบอกว่าเกมส์นี้เป็นศึก"ขุนตาล ดาร์บีแมตช์"ความสนุกและความมันส์ต้องระดับ 5ดาวแน่นอนดีไม่ดีอาจมีใบเหลืองแดงปลิวว่อนในสนาม ลำพูนวอริเออร์ชุดนี้เกือบทั้งทีมเป็นผู้เล่นตัวเก่าๆของเชียงใหม่เอฟซีแชมป์D2โซนภาคเหนือเมื่อฤดูกาลที่แล้วต้องบอกว่าประสบการณ์คับแก้ว แต่สำหรับลำปางเอฟซีต้องบอกว่าทีม"ยังบลัด"เด็กหนุ่มไฟแรง ซึ่งสถิติยังไม่แพ้ต่อทีมใดในสนามแห่งนี้....คนลำปางเชียร์บอลลำปางเอฟซีไปกันเยอะนะครับมาร่วมกันส่งเสียงเชียร์และให้กำลังใจลูกหลานชาวลำปาง

เชียงรายเอฟซี-ลำปางเอฟซี


นัดนี้พลพรรครถม้ามรกตยกพลบุกรังแมงป่องไฟ เชียงรายเอฟซีท ทีมจากท้ายตารางซึ่งยังไม่พบกับคำว่าชนะ ส่วนทีมลำปางเอฟซีทีมอันดับ 6 ซึ่งถือว่ากำลังร้อนแรงในขณะนี้ ซึ่งทั้ง 2ทีมต่างการต้องการชัยชนะด้วยกันทั้งคู่ทำให้เกมส์ในวันนี้มีใบเหลืองนับสิบใบ บวกกับสภาพอากาสวันนี้มีฝนตกทั้งเกมส์


สำหรับเกมส์นี้การทำหน้าที่ของคณะผู้ตัดสินบอกได้คำเดียวว่าไม่มีมาตราฐานจริงๆจนหวิดเกือบมีปัญหาระหว่างผู้เล่นหรือกองเชียร์้หลายต่อหลายครั้ง...ถึงแม้ว่าลำปางเอฟซีจะพ่ายแพ้ไปด้วย 2-1 แต่สิ่งหนึ่งที่พวกเราเหล่ากองเชียร์กรีนแกงค์ ต้องการคือ"เรามาไกล ยุติธรรมหน่อย"